Unseen destination : Tsushima Island
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-12 ตค.๖ เป็นช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่น จะว่ายาวก็ไม่ยาวหรอกนะ คือมีวันหยุดวันจันทร์ก็เลยได้หยุดต่อเนื่องจากเสาร์อาทิตย์ แล้วก็ลางานเพิ่มอีกวัน พอดีว่ามันตรงกับวันเกิดเทรุพอดี ก็เลยคิดว่าจะไปเที่ยวกัน วันเกิดเทรุ ก็ให้เทรุเลือกได้เลยว่าอยากไปไหน
ตอนแรกก็ว่าจะไปฮอกไกโด แต่เทรุเช็คราคาที่พักกับรถเช่าแล้วแพงมาก ตั้งใจจะไปเหนือสุดเลย อากาศก็น่าจะหนาวมากละกลางเดือนตุลา จำได้ตอนนั้นที่ไปหาชู หนาวมาก กลางคืนนี่ลงมาถึง 4-5 องศาแล้วอ่ะ ในซัปโปโรนะ ถ้าขึ้นไปทางเหนือๆ มันจะยิ่งหนาว ดีไม่ดีหิมะตกแล้วด้วย ขับรถอันตราย สุดท้ายก็เลยต้องลองหาที่อื่นดู ตั๋วเครื่องบินเราจะใช้ไมล์แลก แล้วช่วงวันหยุดยาวมันก็มีตั๋วฟรีเหลือให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ ก็เลยลงตัวมาเป็นที่นี่ล่ะ Tsushima island นี่แหละ (บอกตรงๆ ว่าไม่เคยได้ยินชื่อเลย) จากโตเกียวต้องนั่งเครื่องไปลงที่ฟุคุโอกะแล้วก็เปลี่ยนเครื่อง ที่จริงจะนั่งเรือก็ได้นะ แต่ราคาพอๆ กัน นั่งเครื่องบินเอาไมล์แลกก็ 10000 ไมล์เท่าเดิม
เทรุบอกว่าปกติคงไม่มีทางได้ไปหรอก ตั๋วเครื่องบินจากฟุคุโอกะไปเกาะก็เที่ยวละ 15,000 เยนต่อคนแล้ว แต่นี่เอาไมล์แลกไง Domestic ไม่ว่าจะลงที่ไหนมันก็เท่ากันหมด ทริปแบบขับรถเองก็ยังไม่เคยไปด้วย (ใหม่ขับไม่ได้นะ ไม่มีใบขับขี่ญี่ปุ่น) ให้เทรุจัดการหมดเลยตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน จองรถ จองโรงแรม สบ๊าย สบาย
10 ตุลาคม 2015
วันแรกของการเดินทาง
ออกจากบ้านกันแปดโมงกว่าๆ ไม่ต้องรีบนะไปแบบชิวๆ เครื่องออก 11.30 ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของใหม่ละที่ไปเที่ยวคิวชู ครั้งแรกเมื่อปี 2013 ไปงานแต่งวินซ์กับยูกิโกะ แต่เป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวฟุคุโอกะ (คราวที่แล้วไปนากาซากิ) เกาะซึชิม่าที่เราจะไป อยู่ในเขตจังหวัดนากาซากิ แต่ว่าใกล้กับฟุคุโอกะมากกว่า
พอถึงฟุคุโอกะ เราก็นั่งรถไฟเข้าเมืองกันเลย จริงๆ มาที่นี่ต้องกินทงคตสึราเม็งนะ แต่เทรุหาข้อมูลมาก่อนแล้วว่า โทรินาเบะอร่อย ราเม็งใหม่ก็กินอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว อิปปูโดยังไงล่ะ ฮากาตะราเม็งต้นตำรับเลย ก็เลยสรุปว่านี่ล่ะ ไปกินโทรินาเบะกันดีกว่า
จริงๆ ยังไม่ค่อยหิวนะ เดินชมเมืองก่อน
มาถึงร้านบ่ายสองโมงกว่าๆ คนเริ่มน้อยแล้ว ในเว็บรีวิวเขาบอกว่าต้องเข้าคิว ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ ต่างจังหวัดก็งี้ล่ะ อย่างตอนอยู่เกียวโต บอกว่าต้องรอคิว ก็ไม่เห็นจะถึงชั่วโมงสักที (ที่โตเกียวคือถ้าร้านดังจริงๆ รอนานมากกกกกกกก ซึ่งเราก็ขี้เกียจรอไง เลยไม่เคยได้กินร้านดัง 55) ไปถึงก็ได้โต๊ะเลย
เลือกคอร์สกลางวัน คนละ 2800 เยน
พูดถึงอาหารประเภทหม้อไฟเนี่ย มันจะค่อนข้างแพงกว่าอาหารอย่างอื่นนะ วัตถุดิบก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ส่วนใหญ่แล้วเวลามากินลูกค้าจะนั่งนานไง เลยต้องบวกค่าเซอร์วิสเข้าไปด้วย
ร้านที่เราทานวันนี้ พนักงานเค้าบริการจากต้นจบจบเลยนะ เอาน้ำมาให้ เอาเนื้อใส่หม้อ ตักเนื้อไก่ใส่ชาม โรยหอมซอย พอผักมาก็เอาผักลงหม้อให้อีก บริการทุกระดับประทับใจจริงๆ ก็สมราคา สมกับที่เป็นร้านดังอ่ะแหละ
ผักนี่เติมได้ไม่อั้น แต่ว่าเนื้อไก่มีให้กินได้รอบเดียว เทรุบอกว่า พอนสึเค้าอร่อยดี รสชาตไม่เข้มมาก เข้ากับเนื้อไก่ได้ดี ปกติพอนสึที่เราใช้ที่บ้านจะเป็นพอนสึที่เอาไว้กินกับเนื้อปลาไง ปลาจะจืดๆ พอนสึต้องเข้มๆ หน่อย ว่าจะซื้อกลับบ้าน แต่แพงจัง ขวดนึงเล็กๆ ตั้งพันกว่าเยน
ไฮไลท์คือข้าวต้มตอนจบ น้ำซุปที่เหลืออ่ะ เค้าเอาข้าวสวยมาต้มให้เป็นข้าวต้ม ใส่ไข่อีกนิด อร่อยเหาะไปเลย นี่ขนาดว่าไม่ค่อยหิวๆ ยังซัดไปซะพุงกาง
กินเสร็จ เดินเล่นในเมืองกันแป๊บนึง ก็รีบกลับไปสนามบิน ขึ้นเครื่องจากฟุคุโอกะ ไปลงที่ซึชิม่า ไปถึงก็ค่ำแล้ว มืดตึ๊ดตื่อเลย ลุงจากบริษัทรถเช่ามารอเราแล้ว ทำเรื่องรับรถจ่ายเงินแป๊บเดียวก็เรียบร้อย อ่อ ลืมบอกว่า ค่าเช่ารถสี่วัน 16,000 เยนเท่านั้นเอง นี่คือรวมประกัน 5,000 เยนแล้วด้วยนะ ราคานี้ เช่าที่ฮอกไกโดได้วันเดียว
คืนนี้ เราพักที่โรงแรมซึชิม่า เป็น business hotel เล็กๆ ในตัวเมือง ไม่ไกลจากสนามบินมาก เช็คอินแล้ว ก็หาข้าวกิน ฟร้อนแนะนำมาว่ามีร้านใกล้ๆ ที่คนแถวนี้ชอบไปทานกัน ก็เลยลองดู
อาหารอร่อยทุกอย่างเลย ยกเว้นสลัด ไม่อร่อยเลย
เทรุติดใจจานนี้ ปลาไหลทะเลย่างเกลือ
11 ตุลาคม 2015
วันที่สองของการเดินทาง
ที่โรงแรมมีบริการอาหารเช้าด้วย ก็เลยทานซะให้เสร็จเรียบร้อย ใหม่เลือกเป็นแบบญี่ปุ่น ก็จะมีข้าว เทรุทานแบบตะวันตก ก็เป็นขนมปัง ไม่ค่อยอร่อยหรอก แต่มันฟรี ก็ไม่เป็นไร 55
เสร็จแล้วก็ไปเดินย่อยนิดหน่อย วัดแถวๆ นี้ล่ะ ดูจากแผนที่แล้วมันสวยดีๆ ก็เลยชวนเทรุไป
แล้วก็เช็คอินออกมาจากโรงแรม
อากาศค่อนข้างเย็นเลยล่ะ 16 องศาได้ ตอนที่แดดเปรี้ยงๆ นี่มันก็ไม่ค่อยหนาวหรอก แต่พอเข้าร่มปุ๊บ หนาวเลย เสื้อผ้ากันหนาวใหม่ก็ไม่ได้เอามา ก็คิดว่า ลงใต้เนาะ น่าจะอุ่นกว่าโตเกียว (โตเกียว 20 องศาได้) สุดท้ายก็เลยต้องซื้อ เทรุยืนยันว่า ยังไงต้องเอาแบบที่กันลมได้ ก็เลยเลือกแบบที่สปอร์ตๆ หน่อย เออ ที่เกาะนี้ ไม่มี uniqlo นะจ๊ะ
มาแบบไม่ได้แพลนอะไรเลย ก็ได้แต่กางแผนที่เที่ยวกันไป คืนนี้ เทรุจองโรงแรมไว้ทางเหนือของเกาะ จะต้องขับรถไปจากที่นี่ประมาณ 70 กิโล ก็เลยคิดว่า เดี๋ยวจะแวะเที่ยวระหว่างทาง กะว่าให้ไปถึงโรงแรมก่อนมืดก็พอ
มื้อกลางวัน ทานที่ร้านอุด้ง ชื่อว่าร้านอุด้ง แต่เขาขายทุกอย่างเลยนะเออ มีซาชิมิ ดงบุริ และที่สำคัญ มีปลาหมึกสดๆ ที่อยากกินมาก ร้านเมื่อคืนที่ไปไม่มี ก็เลยได้มาลองที่ร้านนี้ล่ะ
ปลาหมึกสดมากจริงๆ ชนิดที่ว่ายังว่ายน้ำอยู่เลยแหละ พอจับขึ้นมาแล้ว ตัดหัว ลอกหนัง ส่วนตัวเราก็ทานเป็นซาชิมิ ส่วนตรงหนวดเค้าเอาไปทอดเป็นเทมปุระ (ทริปนี้กินของทอดแทบทุกวัน กลับมานี่พุงนำนมเลย แง) ทอดมาร้อนๆ อร่อยมว๊ากกกกก
จุดแรกที่เราไปกันก็คือ จุดชมวิวที่ Mt. Eboshi
มองจากตรงนี้จะเห็นเกาะน้อยใหญ่ สวยมากๆ
พอเราลงมาจากเขา เห็นว่ามีทัวร์ขึ้นไปตั้งหลายกรุ๊ป โชคดีนะเนี่ยที่ไปเร็วหน่อย
ที่น่าสนใจก็คือ นักท่องเที่ยวที่มาเกาะนี้ ประมาณ 90% จะเป็นพี่เกาจ้า นั่นก็เพราะว่าเกาะนี้ อยู่ไม่ไกลจากปูซานมาก ส่วนที่ใกล้สุด แค่ 49 กิโลเมตรเองล่ะ วันที่อากาศดีๆ ก็จะมองเห็นปูซานด้วย
ส่วนอีก 5% ก็จะเป็นคนชราญี่ปุ่น 55 ไม่ค่อยเห็นหนุ่มๆ สาวๆ เลย อันนี้พนักงานที่โรงแรมเค้าก็บอกมาว่าอะเมซิ่งมากที่เห็นเราหนุ่มๆ สาวๆ มาเที่ยวที่นี่กัน หึหึ มันเงียบมากจริงๆ นะ เหมาะกับคนต้องการความสงบ
ขับรถที่นี่สำหรับคนไม่ชินทางอาจจะอันตรายเล็กน้อยเพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทางขึ้นเขาทั้งนั้นเลย คดเคี้ยวมาก (ให้นึกประมาณว่าทางไปปาย ถนนพันโค้ง ประมาณนั้นล่ะ) นานๆ ทีก็จะได้ขับรถเลียบริมทะเลสักที มาเที่ยวเกาะแท้ๆ แต่รู้สึกเหมือนมาเที่ยวภูเขามากกว่า
ศาลเจ้าอะไรสักอย่าง อันนี้ก็ดูจากในแผนที่เช่นกัน
ออกจากที่นี่ ใหม่ก็ตีตั๋วนอนเลยจ้า ให้เทรุขับรถไป จนเทรุปลุกมาดูเจ้าต้นไม้ยักษ์ ต้นแปะก้วยที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
ดูจากป้าย เห็นว่า คนญี่ปุ่นไปเอาเจ้าต้นไม้นี้มาจากเกาหลี แล้วก็ปลูกมาเรื่อยๆ อายุอานามก็หลายร้อยปีแล้ว รอดจากฟ้าผ่ามาได้ ก็มาเจอพายุหักไปซะครึ่งนึง แต่ก็ยังต้นใหญ่มากอยู่ดีนะ ใหม่เดินถอยหลังไปถ่ายรูปจนสุดขอบถนนแล้ว ก็ยังถ่ายมาไม่หมดต้นเลยอ่ะ
ขับต่อมาอีก 30 กิโล ก็มาถึง Miuda beach ดูเหมือนหาดนี้จะสวยที่สุดในเกาะนี้ละ
ใจนะ อยากเล่นน้ำทะเลมากกกกก แต่น้ำเย็นเจี๊ยบเลยล่ะ ก็เลยได้แต่เอาเท้าจุ่มๆ เสียใจนะมาถึงทะเลแล้วแต่ไม่ได้ชิวเลย ไม่เป็นไร ปีหน้าช่วงหน้าร้อนค่อยมาใหม่ 55
แล้วก็เช็คอินเข้าโรงแรมเลยจ้า ห้องพักเรา Ocean view ด้วยแหละ สวยมากๆ โหย ตืนมาเจอวิวแบบนี้ ชีวิตดี๊ดี
ที่โรงแรมนี้ไม่มีออนเซ็น แต่มีห้องอาบน้ำรวม ก็พอได้อยู่
12 ตุลาคม 2015
วันที่่สามของการเดินทางและวันเกิดเทรุ
เช็คเอ้าท์แล้ว ก็ไปเดินเล่นที่ชายหาดแถวนั้น น้ำงี้ใสกิ๊กเลย แต่ก็เย็นเจี้ยบบบบ
ออกจากที่นี่ เราก็ไปศูนย์อนุรักษ์แมวป่ายามะเนโกะกัน
ขออธิบายก่อนว่า ที่เกาะนี้ มีแมวป่าซึ่งเป็นสัตว์สงวนอยู่ ปัจจุบันมีไม่ถึงร้อยตัวแล้วทั่วเกาะ จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์อนุรักษ์ขึ้น เจ้าแมวเนี่ย เวลามันเห็นรถแล้วมันจะตัวแข็ง ไม่เหมือนสัตว์อื่นที่จะวิ่งหนีไป ก็เลยจะโดนรถชนตายอยู่บ่อยๆ ถ้ามีแมวเจ็บหรือตาย เขาก็จะโทรมาที่นี่แหละ และแมวก็จะได้รับการรักษา แมวที่พิการเค้าจะก็ให้อยู่ที่ศูนย์นี้ ตัวที่แข็งแรงแล้วก็ปล่อยเข้าป่าไปเหมือนเดิม
มันก็คล้ายๆ แมวบ้านนะ แต่เขาว่าขนมันจะหยาบกว่า ที่หลังใบหูจะเป็นสีขาวๆ และที่สำคัญคือมันไม่เชื่องกับคนเหมือนแมวบ้านจ้า
ตัวนี้ชื่อ ฟุคุมะคุง เป็นแมวที่เกิดในสวนสัตว์
เจ้าหน้าที่บอกว่า ประมาณเที่ยงจะมีการให้อาหารแมว เราก็เลยรอดู รออยู่นานมากจนเที่ยงครึ่งยังมีใครมาให้อาหารแมวเลย แอบโมโหนิดนิดๆ ว่าจะกลับแล้ว ไม่ดูแล้วล่ะ แต่เทรุเกรงใจเจ้าหน้าที่เพราะเขาใจดีและให้ข้อมูลกับเราเยอะมาก เอาบัตรแสตมป์ให้ด้วย (บัตรนี้ถ้าเราเก็บสะสมได้ครบก็จะมีรางวัลให้ แต่จะประทับตราได้เฉพาะที่สวนสัตว์ที่มีแมวป่ายามะเนโกะเท่าไหร่ ซึ่งก็มีอยู่สวนสัตว์นึงใกล้ๆ บ้านเราเลย) ก็รอดูล่ะนะ
อาหารที่ให้แมวกินก็คือเนื้อม้าชื้นเล็กๆ ให้วันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 30 กรัม เวลาให้อาหารเค้าก็จะสอนแมวไปด้วย อย่างที่บอกว่ามันไม่เชื่องนะแมวนี่ ถึงจะโตมาในสวนสัตว์ก็เถอะ
กลางวัน กินโซบะที่ร้านแถวๆ นั้น เป็นโซบะที่แปลกดี คือมีท้อปปิ้งเป็นเนื้อเป็ดด้วย อร่อยดี ไม่เคยกินมาก่อน
ทุ่งนาบนเกาะ สวยดีจัง เห็นไม่ค่อยเยอะคงเพราะไม่ค่อยมีที่ราบให้ทำนา
ช่วงบ่าย เราไปจุดชมวิวอีกจุดนึง ไม่สวยเท่าที่ไปเมื่อวานหรอก
แล้วก็เช็คอินเข้าที่โรงแรมจ้า
ชื่อโรงแรม ซึชิม่า แกรนด์ โฮเทล เป็นโรงแรมเดียวในเกาะนี้ที่มีออนเซ็น และเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุด ราคาเท่ากับที่เราพักเมื่อวานเลยแต่ดีกว่ามาก อาหารก็อร่อยด้วย อ้อ วันนี้ก็ Ocean view จ๊ะ มองออกไปเห็นโบสถ์กับทะเล สวยจัง
13 ตุลาคม 2015
วันสุดท้ายของการเดินทาง
วันนี้เราจะต้องเดินทางกลับกันแล้ว แต่เป็นช่วงค่ำๆ ยังมีเวลาเที่ยวอีกหนึ่งวันเต็มๆ
เปิดดูแผนที่ (อีกแล้ว) ก็ตกลงกันว่าจะไปจุดชมวิวอีกจุดนีงซึ่งอยู่ทางใต้ของเกาะ (ใต้สุดเลย) โชคดีมากนะที่อากาศดีมาก ฟ้าเปิดทุกวัน เลยได้รูปสวยๆ ดีๆ มาเพียบเลย
เนี่ย เวลาขับรถอ่ะ ต้องใช้นาวิเกเตอร์ แล้วอีคาร์นาวินี่แหละที่พาหลง พาเราเข้าป่าเข้าดงไป ทางก็ลำบ๊าก ลำบาก ระยะทางแค่สามสิบกว่ากิโล แต่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย
Cape Tsutsuzaki
วิวสวยมาก สวยที่สุดในสามที่ที่เราไปมาในทริปนี้
เนี่ย กว่าจะเขียนไดอะรีหน้านี้เสร็จ ดองไว้นานมากนะ
ขามา นาวิพาเข้ารกเข้าพง ขากลับก็เลยเปิดแผนที่เทียบเลย เซ็ตไปเป็นจุดๆ คราวนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ใกล้กว่าเดิม ถนนก็ดีมากกกกกก ระหว่างทางที่ขับไป เจอน้ำตก ก็เลยแวะกันสักหน่อย ในแผนที่ๆ เราได้มาอ่ะ มันมีนะ แต่ใหม่บอกเทรุว่าถ้าไม่ผ่านอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร เพราะดูเหมือนมันจะไกล ผ่านมาพอดี ก็เลยถือว่าเป็นโชคของเรา
ขอบคุณเทรุที่พามาเที่ยว เจอกันใหม่ทริปหน้า
โกรธอ่ะ ไปศูนย์แมว ถ่ายแมวมาแค่ 2 ตัว
ชิชิ
LikeLike
มันมีให้ดูแค่ตัวเดียว!
LikeLike