Golden week ปีนี้ คิดไว้หลายแพลนมาก เยอรมันก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ใหม่เสิร์ชตั๋วออกวันที่ 29 ไง ราคาแพงมากกกก รับไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนแผนมาเป็นใกล้ๆ ไต้หวันนี่แหละ อาหารอร่อยดี ลองหาตั๋วดู ที่ไม่แพงมากก็มีนะ แต่ flight time มันไม่ค่อยโอเลย อดหลับอดนอน
พอถึงเวลาที่ต้องเลือกวันหยุดจริงๆ ก็เพิ่งรู้ว่าเลือกได้เต็มที่ 8 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 เมษา คนส่วนใหญ่เค้าจะเริ่มหยุด 29 เพราะฉะนั้น 27 เย็นนี่ยังไม่พีคเท่าไหร่ ตั๋วยังไม่ค่อยแพง ไหนๆ ก็จะหยุดตั้ง 8 วันละ ไปไกลๆ เลยดีกว่า เลยกลับมาที่แพลนแรก หุหุ ได้ตั๋วจากแอร์ไชน่ามาในราคาหกหมืนกว่าเยน เชื่อมั้ยว่าถูกกว่าตั๋วไปกลับกรุงเทพอีก 55+
ได้ตั๋วแล้วก็ตัดสินใจปุบปับเลย ยังไม่ได้ถามนายเลยว่าโอเคป่าว ชักช้าเดี๋ยวตั๋วถูกหมดซะก่อนแล้วจะอดไป
ได้ตั๋วแล้ว ก็ต้องขอวีซ่าสิทีนี้ มีเวลาเดือนนึงในการเตรียมตัว
ขอวีซ่าเชงเก้น ต้องนัดก่อน จะ walk-in เข้าไปยื่นเอกสารเลยไม่ได้ เรื่องวีซ่านี้ เดี๋ยวใหม่ขอเล่าแยกอีกบล็อกนึง รายละเอียดมันเยอะเหลือเกิน เผื่อเป็นประโยนช์กับคนอื่นๆ ด้วย
April 27th, 2016 วันเดินทาง
อยากบอกว่า เดือนเมษานี่เดินทางแบบฮาร์ดคอร์มาก วันที่ 22-25 เพิ่งจะกลับไทยมา กลับมานอนบ้านได้คืนเดียว เก็บกระเป๋าเตรียมไปเที่ยวอีกแล้ว เหนื่อยโฮกๆ เลย (โทษใครไม่ได้นะ แพลนเอง)
เลิกงาน 16.15 แล้วก็รีบวิ่งไปขึ้นรถไฟไปนาริตะเลย เทรุไปรออยู่แล้ว ใหม่นั่ง Keisei Skyliner ตามไป ถึงนาริตะประมาณห้าโมงครึ่ง เช็คอินแล้วก็หาอะไรกินรองท้อง
เดี๋ยวเราต้องไปต่อเครื่องทีเซี่ยงไฮ้ คืนนี้มี transit hotel ฟรีให้พักด้วย ไร้การจดจำ ไม่มีอะไรให้เล่า 55+
มีเรื่องระทึกตอนเข้าเมืองจีนด้วย คืออย่างที่รู้กันว่า คนไทยไปเที่ยวจีนต้องขอวีซ่าใช่มั้ย แต่ใหม่แค่ transit ไม่ถึง 24 ชม อ่านข้อมูลหลายๆ ที่แล้ว เค้าบอกว่าไม่ต้องขอ ใหม่ก็เลยไม่ได้ขอไป
แต่พอไปถึง immigration จนท จีนทำงานนานมากกกกก จนนึกว่าจะไม่ได้เข้าแล้ว สรุปคือ เข้าได้นะ 24 ชม. ไม่เกินนี้ ระหว่างนั้นจะเข้าไปเดินเล่นในเมืองก็ได้ เงื่อนไขคือต้องมีตั๋วต่อไปยังประเทศที่ 3 และต้องมีที่พักเป็นหลักแหล่ง จนทขอดูใบจองโรงแรมเป็นหลักฐานด้วย
แต่ก็ผ่านเข้าประเทศมาได้แบบไม่มีปัญหา เป็นการเดินทางเข้าจีนครั้งแรกของใหม่
April 28th, 2016
ออกจากเซี่ยงไฮ้ 11.45 มีเวลาอยู่สนามบินเกือบสามชั่วโมง เลยไปหาอะไรกินก่อน สนามบินเซี่ยงไฮ้ใหญ่โตมโหฬารมาก (ก็เหมือนกันทุกอย่างที่จีน) เดินหาอยู่นานกว่าจะเจอร้านอาหาร
พอไปถึงแล้ว ก็ปรากฏว่าใช้บัตรเครดิตไม่ได้อีก (ในสนามบินเนี่ยนะ?!?) เลยต้องรีบวิ่งไปกดตัง 50 หยวน เทรุกินบะหมี่เนื้อ ใหม่จัดน้ำเต้าหู้ไป อร่อยดีทั้งสองอย่าง


จากนั้นก็นั่งเครื่องกันจนเมื่อยตูดเลยจ้า หนังอะไรก็ไม่ค่อยมีด้วย ดูเรื่องเดิมๆ ที่เคยดูมาแล้ว เบื่อก็นอน (ไม่ค่อยหลับหรอก) มือถือเค้าก็ไม่ให้เล่นนะ แปลกดี
ถึงแฟร้งเฟิร์ต หกโมงเย็น local time รับกระเป๋าอะไรเรียบร้อยแล้วก็ไปนั่งรอขึ้นรถไฟ เทรุจองตั๋วเอาไว้เวลาสองทุ่มเศษ ยังมีเวลาอีกหน่อย
การเดินทางที่แสนยาวนาน… แต่ในที่สุดก็มาถึงเยอรมันแล้วนะ เป็นการกลับมาครั้งแรกตั้งแต่กลับญี่ปุ่นปี 2012
ระหว่างที่รอรถไฟ ใหม่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เทรุจองตั๋วไว้จากสถานีแฟ้รงเฟิร์ตนี่นา ถ้าเราจะขึ้นจากสนามบิน (Frankfurt flughafen) มันน่าะจะออกเร็วกว่าเวลาที่ระบุในตั๋ว เทรุก็เหมือนเดิมล่ะ ดื้อ คิดว่าตัวเองแพลนไว้ดีแล้ว ใหม่บอกยังไงๆ ก็ไปถามดูดีกว่า เป็นไปตามที่คาด คือรถมาถึงสนามบินก่อนเข้าแฟร้งเฟิร์ต นั่นคือจาก 20.20 ตามเวลาในตั๋ว ต้องขึ้น 20.02 แล้วต้องซื้อตั๋วเพิ่มด้วย ส่วนที่เพิ่มมาคือจากสนามบินเข้าเมืองแฟร้งเฟิร์ต ก็จ่ายไป 15 ยูโร

ตามความเข้าใจคือ รถไฟเยอรมันมี 3 แบบ คือ
- IC (Inter city train)
- ICE (Intercity Express)
- แล้วก็จะมี U-bahn/S-Bahn (คือรถไฟที่ใช้เดินทางภายในเมือง)
รถไฟไปมิวนิคของเราวันนี้ ต้องนั่ง IC ไปเปลี่ยนเป็น ICE ปลายทางมิวนิคประมาณห้าทุ่ม
ปรากฏว่า IC เกิดดีเลย์จ้า ก็เลยพลาด connection ไปขึ้นรถไฟไม่ทัน แต่ไม่เป็นไรนะ เคสอย่างงี้เราขึ้นขบวนถัดไปได้ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ถึงมิวนิคเกือบเที่ยงคืน คืนนี้เราพักกันที่โรงแรมเล็กๆ ชื่อ Hotel Amba ใกล้หัวลำโพงมิวนิค ดีนะที่ไม่ได้บอกให้โมนิกามารับ รถไฟดีเลย์ขนาดนี้ ติดต่อกันก็ไม่ได้
วันนี้ jet lag เริ่มสำแดงอาการแล้วจ้า มันโคดจะทรมานเลย คือเหนื่อยนะ ถ้าเวลาญี่ปุ่นคือเช้าแล้วอ่ะ เหมือนเราโต้รุ่ง
April 29th, 2016
ได้งีบไปนิดหน่อย ตื่นแต่เช้ากันทั้งสองคน ความรู้สึกคือมันเหมือนเรานอนกลางวันอ่ะ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็นอน 8-9 ชั่วโมงไม่ได้
ไหนๆ ก็ตื่นมาแล้ว หาของกินดีกว่า เทรุชวนไปร้านตุรกี ร้านนี้มีความหลัง ครั้งแรกที่เรามาเยอรมัน ก็มาทานอาหารเช้าที่ร้านนี้ (เช้าวันอาทิตย์ รร ไม่มีบริการอาหารเช้า) ซุปเค้าอร่อยนะ กินกับขนมปังนิ่มๆ เทรุสั่งโยเกิร์ตมาด้วย ทั้งเปรี้ยวและเค็ม ไม่อร่อยเลย

กินเสร็จก็มานอนเล่นสักพัก เช้าๆ แบบนี้ ยังเงียบอยู่เลย ไม่รู้จะไปไหน
อาบน้ำ แต่งตัว เช็คเอ้าท์ เทรุไปหาสเตฟานที่ TUM ใหม่ก็ข้อความเรียกโมนิกามารับที่โรงแรม เอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านก่อน วันนี้เราจะไปเที่ยว Olympia Zentrum กัน
อยู่ที่นี่มาปีนึง ที่ๆ ไม่เคยไปไม่มีแล้วล่ะ ไปมาหมดแล้ว แต่ได้กลับไปอีกครั้งก็รู้สึกดีนะ ยิ่งวันนี้อากาศดีด้วย



อย่างที่รู้ๆ กันว่า มิวนิคเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกเกมส์ในปี 1972 (ที่มีการก่อการร้ายนั่นแหละ ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Munich ปี 2005 ที่มี Eric Bana เป็นพระเอก) ตอนนี้บริเวณนี้ก็ถูกจัดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง วันที่อากาศดีๆ แบบนี้ เดินเล่นชมวิว ชิวๆ
ขึ้นโอลิมเปียทาวเวอร์กันด้วยนะ admission 7 ยูโร ป้าคนขายตั๋วถามโมนิกาว่า ใหม่อายุต่ำกว่า 18 รึเปล่า ซื้อตั๋วราคาเด็กได้นะ อันนี้โมนิกามาเล่าให้ฟังทีหลัง ขำมาก เกิน 18 ไปสิบกว่าปีเอ๊ง

เริ่มหิวตะหงิดๆ โมนิกาจะพาไปร้าน EATALY ซึ่งชื่อก็บอกแล้วเนาะว่าน่าจะเป็นอาหารอิตาเลี่ยน ร้านนี้ตอนใหม่อยู่ก็มีแล้วนะอยู่ใกล้กับวิคตอเรียนมาร์เก็ต พาสต้าไม่ค่อยอร่อยอ่ะ ใหม่ว่าคาโบนาร่าเค็มไป ราคาก็ไม่ถูกเลยนะ เสียใจ ยังดีที่บรรยากาศดี พอจะลืมๆ ไปได้ 55
เอารถไปจอดใกล้ๆ กับ Odeon Platz (ขากลับเจอ ticket 10 ยูโร ฺฮา…)




ท้องอิ่มแล้วก็เดินเล่นกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนเท่าไหร่ ยังเหมือนเดิม
โมนิกาชวนไปนั่งเล่นที่ Hofgarden สั่ง Apple strudel มาแบ่งกัน ได้จิบเบียร์แก้วแรก โอ้ยยยย ฟิน (เมาแต่บ่ายเลย ฮา…) ข้อดีของการมาเที่ยวช่วงนี้ก็คือ ช่วงกลางวันยาวมาก สองทุ่มแล้วยังไม่มืดเลย ได้ไปไหนทำอะไรเยอะดี






เดินกันจนทั่วเลยจริงๆ จอดรถไว้แถว Odeon Platz เดินไป Marien Platz, Victorien market, Hof Garden, English garden แล้วเดินกลับมาเอารถที่ Odeon Platz
วันนี้สองทุ่ม โมนิกาต้องเดินทางไป Piran หกโมงกว่าๆ ก็เลยกลับไปเตรียมตัว ใหม่ก็อยากใช้เน็ตเพราะติดต่อเทรุไม่ได้เลย ปรากฏว่าพอกลับถึงบ้าน เทรุมานั่งรออยู่หัวลำโพงอยู่เป็นชั่วโมงแล้ว ใหม่ได้เจอมาร์โคแป๊บๆ ก็บอกลาสองคนแล้วนั่งแทรมไปหาเทรุ
จากวันนี้ไป บ้านนี้เป็นของใหม่และเทรุ 555

โมนิกาทำงานแค่อาทิตย์ละ 3-4 วัน แล้วก็ทำไม่เต็มเวลาด้วย จาก 9.00-14.00 เป็นอะไรที่น่าอิจฉามาก แต่ก็นั่นล่ะนะ เค้าไม่มีลูก บ้านก็ซื้อแล้ว รถก็มี ถ้าไม่ได้อยากร่ำรวยก็ไม่จำเป็นต้องขวนขวายอะไรมาก
โมนิกาเล่าว่า สองสามปีมานี้ ราคาอสังหาฯ ที่มิวนิคแพงขึ้นมาก เดี๋ยวนี้จะซื้อบ้านสักหลังนี่ต้องคิดเยอะๆ เลย คงเพราะมีคนย้ายจากเมืองอื่นมาอยู่มากขึ้น (มิวนิคเศรษฐกิจดี งานก็เยอะ) ว่าแล้วก็อยากกลับมาอยู่ที่นี่อีกจัง



เออ ใช่ ลืมเล่าว่า โดนเรียกตรวจตั๋วรถไฟตั้งแต่เที่ยวแรกที่นั่งเลย ดีนะที่มีตั๋ว โมนิกาเอาตั๋ว Punkte Karte ให้
คนตรวจตั๋วก็ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ นี่แหละ ทำเหมือนเป็นผู้โดยสารทั่วไป แต่พอรถออก ก็เดินมาเลย กะว่าหนีไปไหนไม่ได้แน่ๆ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่มีใครที่มีปัญหาว่าไม่มีตั่วนะ เยอรมันเป็นอย่างงี้เอง ไม่มีคนตรวจแต่ก็ทำตามระเบียบ
เดินทั้งวันเลยวันนี้ เหนื่อยนะ แต่พอจะนอนจริงๆ ก็นอนไม่ค่อยหลับ ทรมานมากเลย คงเป็นเรื่องปกติจนกว่าจะปรับเวลาได้ อดทนไปก่อน T___T
April 30th, 2016
โมนิกาไม่อยู่ละ วันนี้เราก็ลุยกันเอง
ตื่นเช้ามาไปซื้อของกินที่ซุปเปอร์หน้าบ้าน ได้พาร์ม่าแฮมมา 300 กรัม (ซื้อของเยอรมัน ไม่ค่อยเค็ม) แล้วก็ขนมปังอบใหม่ๆ แยม ฯลฯ ราสเบอร์รี่ก็ออกมาช่วงนี้พอดี ใหม่กินทุกวันเลย วันละ 2-3 แพค
อากาศดีมาก ใหม่เลยชวนเทรุไป Schloss Nymphenburg ไปมาเป็นสิบครั้งแล้วมั๊ง แต่ก็ยังอยากไปอีก
วังนี้ไม่อลังการเท่าชอนบรุนที่เวียนนา แต่โมเดลคล้ายๆ กัน (วังของประเทศเยอรมัน-ออสเตรียก็เหมือนๆ กันหมด) มีตัวอาคารแล้วก็สวนที่อลังการงานสร้างสุดๆ เดินจนเหนื่อยยังไม่ทั่วเลยเอาจริงๆ




เดินอยู่ที่นี่ไม่นาน ก็ไปต่อที่สวนโบตานิก อยู่ใกล้ๆ วังนี่แหละ ใหม่เคยพาพ่อกับแม่ไป ตอนนี้ดอกไม้น่าจะกำลังสวย
ครั้งแรกของเทรุที่มาที่นี่ แต่เทรุไม่ค่อยสนใจดอกไม้เท่าไหร่ มีแต่ใหม่ที่ตื่นเต้นอยู่คนเดียว




มาแต่เช้า คนยังไม่เยอะเท่าไหร่
ที่สวนนี้มีร้านกาแฟที่บรรยากาศดีมากๆ วันนี้เทรุยังไม่ได้ดื่มกาแฟก็เลยไปนั่งเล่นที่คาเฟ่กันก่อน


รูปโหลดจากเฟสบุค แนวนอนไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เลย แอบเซ็ง







ช่วงบ่าย ไปเดินช้อปปิ้งในเมือง ซื้อกระเป๋าเดินทางใบเล็กใบนึง เครื่องสำอางค์ ของเล็กๆ น้อยๆ เสื้อผ้า ฯลฯ ซื้อไปซื้อมา ของเยอะจนเทรุต้องเอาของไปเก็บที่บ้านก่อน 55+
วันนี้เรามีนัดทานข้าวเย็นที่บ้านสเตฟาน อากาศดีนะ หกโมงเย็นแล้วแดดยังจ้าอยู่เลย ได้นั่งกินนั่งเม้าท์กันชิวๆ
กลับมารอบนี้เด็กๆ โตขึ้นเยอะมาก ลูกชายคนโตของสเตฟานพูดอังกฤษได้เยอะแล้วด้วยก็เลยมาคุยกับพวกเราด้วย วันนี้บาร์บาร่ากับเด็กๆ ทำชีสฟองดู กับใส้กรอกเยอรมันเป็นอาหารเย็น เทรุที่ปกติจะไม่ค่อยชอบชีสยังบอกว่าอร่อยเลย

ออกจากบ้านสเตฟานเกือบๆ ตีหนึ่งได้มั๊ง ข้อดีของเยอรมันก็คือ รถไฟวิ่งทั้งคืนจ๊ะ ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่นที่รถจะหมดหลังเที่ยงคืน คือรถก็มาไม่บ่อยนะ อาจจะชม ละขบวนไรงี้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย เพราะที่ญี่ปุ่นถ้าเราจะเที่ยวกลางคืนก็ต้องโต้รุ่งเลย ไม่มีรถกลับ ก็เลยเป็นสาเหตุให้คนญี่ปุ่นไม่ค่อยเที่ยวกัน (มั๊ง)
May 1st, 2016
วันนี้วันอาทิตย์ ไม่มีอะไรเปิดเลย อากาศก็ไม่ดี
แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเที่ยว Fruhlilng fest จัดวันสุดท้ายพอดี มันก็คล้ายๆ กับ Oktober fest อ่ะนะ แต่จะเล็กกว่า คน (เมา) ก็น้อยกว่าด้วย ส่วนตัวใหม่ว่า Fruhling fest น่าเที่ยวกว่า ยังมีบรรยากาศแบบสบายๆ อยู่ ตอนยังอยู่ที่นี่ ก็พาพ่อกับแม่มา ว่าแล้วก็คิดถึงเลย






ใหม่ยังพอไหวนะ เพราะสั่ง Radler แต่เทรุนี่สิ บ่นว่าพะอืดพะอมตั้งแต่ออกจากงานละ กลับถึงบ้านก็วิ่งเข้าห้องน้ำเลย แล้วก็นอนนนน ยาวววว ที่บอกว่ายาวนี่คือ ตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงตีห้าของอีกวัน 55+
เมาด้วย นอนไม่พอด้วย jet lag ด้วย หลายๆ อย่างรวมกัน สรุปคือ วันนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย
May 2nd, 2016
วันนี้เราต้องเดินทางออกจากมิวนิคไปต่อล่ะ ตื่นมาแต่เช้า ทำความสะอาดอพาร์ทเม้นท์ให้โมนิกา ปิดบ้านเรียบร้อยแล้วก็เอากระเป๋าไปฝากล็อกเกอร์ที่หัวลำโพงมิวนิค ยังมีเวลาอีกเยอะเลย ก็เลยไปเดินเล่นในเมืองกัน
อากาศดีมากอีกแล้วนะวันนี้โชคดีจริงๆ



กลางวันทานพาสต้าร้านโปรด ไม่ค่อยอร่อยนะเค็มไปหน่อย
บ่ายโมงเศษๆ ออกจากมิวนิค มุ่งหน้าไปสตุ๊ดการ์ด เราต้องเปลี่ยนรถไฟไป Heidelberg ที่นี่ จริงๆ ทริปนี้ใหม่ทำการบ้านไม่ค่อยดีนะ ตั๋วบาเยิร์น 29 ยูโร มันมีทุกภาคของเยอรมันอ่ะ เราไม่จำเป็นต้องซื้อ single ticket เลยก็ได้ ใช้ตั๋วเหมาได้ ยิ่งขากลับจากไฮเดลเบิร์กเข้าแฟร้งเฟิร์ต ไม่ได้ข้ามโซนซะด้วยซ้ำอ่ะ
เอ้า มารู้ว่าโง่เอาตอนท้ายละ ไม่เป็นไร คราวหน้าจะได้ไม่โง่อีก เงินนิดๆ หน่อยๆ เอง


อีกเรื่องที่โง่ก็คือ จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องพักที่นี่เลยนะ เมืองนี้เที่ยวแบบ day trip จากแฟร้งเฟิร์ตได้ ใช้เวลานั่งรถไฟชั่วโมงเศษๆ เอง แล้วที่สำคัญคือ นอกจากปราสาทและวิวสวยแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรให้ดูมากเท่าไหร่
สีสันของการเที่ยวด้วยตัวเองมันก็อยู่ตรงนี้ล่ะ ผิดบ้าง พลาดบ้าง สนุกดี ใหม่ก็ผิดเองที่ไม่ได้หาข้อมูลให้เป๊ะก่อนมา
เห็นว่าพรุ่งนี้จะฝนตก ดีนะที่เราได้มาดูวิวสวยๆ ตรงนี้ก่อนที่ฟ้าจะมืด
เย็นวันนี้ ซื้อบะหมี่ใส่กล่องมานั่งกินกันริมแม่น้ำ ไม่อร่อยเลย เค็มมากกกกกก ไม่แปลกที่กลับมาสิวจะขึ้นเต็มหน้า



คืนนี้พักที่ Crown plaza Heidelberg เป็นคืนที่สองที่ได้นอนโรงแรม
May 3rd, 2016
มีเวลาเที่ยวอีกตลอดช่วงเช้า วันนี้เราขึ้นไปชมปราสาทไฮเดลเบิร์กกัน ว่ากันว่า เป็นหนึงในสามปราสาทในเยอรมันที่ห้ามพลาด (อีกหนึ่งในสามคือนอยช์ชวานชไตน์ที่ไปมาแล้วหลายรอบ) จริงๆ ตัวปราสาทมันไม่มีอะไรมากนะ โดนเผาไปตั้งหลายครั้ง
เอาน่า ไหนๆ ก็มาถึงถิ่นละ







กลางวัน เทรุอยากกินหมูทอดชนิทเซล หาร้านอยู่นานมากกกกกก สุดท้ายเจอแต่ร้านปิด (คือเปิดแต่กลางคืน ใช้เน็ตไม่ได้เลยไม่ได้เช็ค) แห้วเลย
บ่ายๆ เดินทางเข้าแฟร้งเฟิร์ต มีเวลานิดหน่อยเลยแวะไปดูกระเป๋าเดินทางที่สนามบิน ขากลับโหลดกระเป๋าได้ 4 ใบก็เลยตั้งใจจะซื้อกลับด้วย มีแบบที่อยากได้พอดี ก็เลยซื้อเลย
ไม่ได้จะใช้เองนะ เทรุบอกว่า Rimowa limited edition รุ่นนี้ขายใน yahoo auction ได้ราคาดีมาก ไหนๆ ก็มาละเนาะ (ยังไม่ได้ปล่อยนะ กองอยู่บ้านนี่แหละ) เอาจริงๆ กระเป๋าแพงๆ แบบนี้คงไม่ใช้เอง เอาเงินไปเที่ยวดีกว่า


May 4th 2016
เมื่อคืน เดินหา รร อยู่นานมากกกกก ก็ไม่รู้ว่าทำไมเทรุจองที่นี่ มีที่อื่นที่หาง่ายกว่านี้ ถูกกว่านี้ (เทรุบอกว่ารีวิวดี) พอได้พักแล้ว เฮ้ย มันดีจริงๆ อ่ะ ห้องกว้างและสะอาดมาก พนักงานก็น่ารักบริการดี ตั้งแต่เรามาถึงเลย ใหม่งี้เลิกบ่น 55



วันนี้เข้าไปที่บริษัทแต่เช้า ทักทายผู้จัดการสาขากับพนักงาน (ไม่รู้เคยเล่ามั้ยว่าใหม่เป็น in-charge สาขาเยอรมัน) ตอนแรกว่าคุยแป๊บๆ สรุปปาไปชั่วโมงกว่า เทรุรอเงกเลย เค้าขอโท๊ดดดดด
ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยเดินเล่นในเมือง เจอร้าน Primark ด้วยนะ เดินอยู่นานมากแต่ไม่ได้อะไรติดมือมาเลย คือราคามันก็ไม่ถูกอ่ะ เลยไม่รู้จะซื้อทำไม ต้องหอบกลับญี่ปุ่นอีก
เป็นครั้งที่สองที่มาเที่ยวแฟร้งเฟิร์ต รู้สึกว่าบรรยากาศมันค่อนข้างต่างกับมิวนิคนะ รู้สึกโมเดิร์นกว่า คนก็เยอะกว่า ห้างเยอะกว่าด้วย


ออกไปสนามบินเร็วหน่อยเพราะต้องไปจัดการเรื่อง tax refund ที่แฟร้งเฟิร์ตมันยุ่งยากนิดนึง ตรงที่เราต้องไปเช็คอินที่เค้าท์เตอร์ แล้วเอากระเป๋ามาให้ จนท ดู แล้วเค้าก็จะโหลดให้เราเลย ส่วนที่ถือขึ้นเครื่องก็ต้องเอามาแสดงด้วย เพราะฉะนั้นเวลาเช็คอินเราต้องแจ้ง จนท สายการบินว่าไม่โหลด
หลายคนเข้าใจผิด เช็คอินแล้วเอาแต่เอกสารมาแสดง โหลดกระเป๋าไปเลย อันนี้เค้าก็ไม่ทำ tax refund ให้นะ ต้องระวัง

ไฟลท์นี้อีกยาวไกล ต้องเปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่ง เวลาก็น้อย คนก็ไม่เข้าคิว กว่าจะ security check เสร็จเกือบตกเครื่องแน่ะ ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากมาเปลี่ยนเครื่องที่จีนอีกแล้ว แต่ก็นะ… ตั๋วถูก อย่าไปคิดมาก
ปิดทริปนี้ไว้เท่านี้เนาะ เจอกันใหม่ทริปหน้า
One thought on “Germany as I remembered”