Double Berries picking 2017
ช่วงนี้ว่างยาววววววว รอทำเรื่องย้ายแผนกฯ มีเวลาเลยได้อัพบล็อกแบบรัวๆ เรื่องเก่าเรื่องใหม่ขุดมาเขียนให้หมด
เปลี่ยนโดเมนแล้วด้วยนะ หุหุ คิดว่าจะลงทุนจ่ายตังค์อัพเกรดเป็นพรีเมียมมาสักพักแล้วแต่ไม่มีเวลาเขียนคอนเท้นท์เท่าไหร่เลยกลัวว่าจะเสียเงินเปล่า โดเมนเนมที่ชอบก็ฟรีด้วย ไม่ต้องเพิ่มเงินจากแพคเกจ
ฟอลโลว์กันมาเยอะๆ นะจ๊ะ
เมื่อวานไปเที่ยวจังหวัดกุมมะกับเทรุมา Ikaho Onsen ที่เดียวกับที่ไปเที่ยวกับเพื่อนลินอาทิตย์ก่อนนู้นเลย แต่คราวนี้ไปชมดอกไม้แล้วก็เก็บบลูเบอร์รี่+สตรอเบอร์รี่สดๆ จากสวน
ปีที่แล้วก็ไป one day bus tour แบบนี้ที่จังหวัดนากาโน่มา ใช้บริการบัสทัวร์ของเอชไอเอส ปีนี้อยากลองเปลี่ยนสถานที่ดูบ้าง เลยซื้อทัวร์กับ club tourism เดี๋ยวตอนท้ายจะเขียนสรุปให้นะว่าชอบอันไหนมากกว่า
บล็อกของปีที่แล้ว >> Double berry picking
ออกจากชินจูกุ 7.30 แอบเซ็งนิดนึงตรงที่พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนตกทั้งวัน ทำใจแล้วว่าน่าจะแฉะแน่ๆ เลยเตรียมเสื้อกันฝน ลากแตะมาจากบ้านเลย แต่พอออกจากโตเกียวได้สักพักฝนก็หยุดตก โชคดีจริงๆ (ฟ้าก็ยังครึ้มเหมือนเดิมนะ)
วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาขึ้นรถให้ทัน เลยรู้สึกเหมือนนอนไม่พอ ขึ้นรถได้ก็ตีตั๋วนอนยาววววว จนเกือบเก้าโมงเข้าเขตจังหวัดกุมมะ มีรถจอดให้เข้าห้องน้ำค่อยตื่นเต็มตามายืดเส้นยืดสายซะหน่อย เทนโจบอกว่าวันนี้รถไม่ติด น่าจะถึงเร็วกว่ากำหนดการ เส้นนี้รถไม่ค่อยติดหรอก ถ้าทางด่วนเส้นที่ไปยะมะนะชิ-ฟูจิซัง อันนั้นล่ะติดแน่ ยิ่งวันนี้ฝนตกด้วย รถส่วนตัวไม่เยอะคนเค้าไม่เที่ยวนอนอยู่บ้านกัน
แพลนคร่าวๆ วันนี้
– ชมดอกอาจิไซ (Hydrangea)
– ทานอาหารกลางวัน อุด้งของดีจังหวัดกุมมะ (เติมได้ไม่อั้น)
– เก็บบลูเบอร์รี่
– เก็บเชอร์รี่
แล้วก็เดินทางกลับโตเกียว
บัสไม่มีห้องน้ำแต่ก็มีพักตาม rest area ให้เข้าห้องน้ำเป็นระยะๆ แนะนำว่าอย่ากินน้ำเยอะให้จิบๆ เอาแค่หายคอแห้งพอ ไม่งั้นถ้าปวดฉี่แล้วจะต้องทนอีกนานเลยกว่าจะถึงจุดพักแต่ละรอบ
สัปดาห์ที่แล้วที่มากับเพื่อนลินจำได้ว่าบัสผ่านสวนอาจิไซสวนนี้เหมือนกันแต่เราไม่ได้ลงมาเดินเพราะโรงแรมอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร
เท่าที่เห็นก็จะมีสีฟ้าอ่อน น้ำเงิน สีม่วง สีชมพูเข้ม แล้วก็สีขาว สีฟ้าจะมีเยอะที่สุด แล้วถ้าคิดถึงดอกไฮเดรนเยียคนก็จะนึกถึงสีฟ้ามาก่อนเป็นอันดับแรก
เค้าว่าสีของดอกไม้ขึ้นอยู่กับดิน ถ้าดินเป็นกรดดอกจะออกสีฟ้า ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าปลูกในสวนแบบนี้ ดินก็ดินเดียวกัน ทำไมถึงมีหลายๆ สีได้ เทรุบอกว่าเค้าคงจะใส่ปุ๋ยหรือสารอะไรที่ดินเพื่อให้ต้นไม้ออกดอกคนละสีกัน
ญี่ปุ่นมีดอกไม้สวยๆ ให้ดูทั้งปี ฤดูฝน เดือนมิถุนายน ย่างเข้าฤดูร้อน ก็จะเป็นดอกไฮเดรนเยียนี่แหละ สถานที่ชมดอกไฮเดรนเยียที่สวยที่สุดเค้าว่าอยู่ที่คามาคุระ แต่ใหม่ก็ไม่เคยไปหรอกเพราะคนเยอะไม่อยากไปเบียดใคร
แถวบ้านเราก็มีสวนอาจิไซเหมือนกัน สวยพอๆ กับที่คามาคุระเลยแหละ แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก (ดีแล้ว อย่ารู้จักเลย เดี๋ยวคนมาเยอะ) เดี๋ยววันหลังไปถ่ายรูปมาให้ดู ปีนี้ดอกไม้บานช้ากว่ากำหนดมาก ก็เลทมาตั้งแต่ซากุระแล้วล่ะ อาจิไซก็เลทตาม นี่ปลายเดือนแล้วบานไม่เต็มที่เลย
ที่นี่โมมิจิเยอะและสวยมาก เอาไว้ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะชวนเทรุมาเที่ยวอีก (รูปนี่ถ่ายจากศาลเจ้าใกล้ที่จอดรถ)
ทานมื้อกลางวัน
เทรุบอกว่า ที่ไหนที่น้ำดี นั่นคือ น้ำสะอาดและอร่อย จะมีการทำสาเก อุด้งและเต้าหู้ ที่จังหวัดกุมมะมีชื่อเสียงเรื่องอุด้งอร่อยนอกจากจะเพราะน้ำดีแล้วก็เพราะว่าที่นี่มีการปลูกข้าวบาร์ลีย์เยอะ
อุด้งเติมได้ไม่อั้น อยากกินกี่ชามก็เอาเลย แต่ใหม่กินไปแค่นิดเดียวตั้งใจจะเก็บท้องไว้กินบลูเบอร์รี่กับเชอร์รี่ หุหุ เสียดายมากเพราะอุด้งอร่อยจริงๆ เส้นเหนียวนุ่มมากกกกกกกก (แต่แป้งทั้งนั้นเลย อร่อยแค่ไหนก็ต้องอดใจ กินเยอะอ้วนแน่นอน)
ยังไม่ทันได้ย่อยก็กินอีกละ
ปีนี้ ดอกไม่บานช้า ผลไม้ก็สุกช้าด้วย ชาวสวนเค้าบอกว่าเพราะฝนไม่ค่อยตกผลไม้เลยไม่งามเหมือนทุกปี คนที่ซื้อทัวร์นี้มาตอนต้นเดือนคือไม่ได้กินบลูเบอร์รี่เลยต้องเปลี่ยนแพลนไปทำกิจกรรมอื่นแทน
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงตา อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รสชาตก็ไม่หวานมากกินง่าย ส่วนตัวใหม่ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่เก็บจากต้นสดๆ นี่อร่อยกว่าที่เค้าขายเป็นแพคร้อยเท่าเลย (เผื่อจะมีคนถามว่าทำไมต้องถ่อมาเก็บถึงที่ซื้อกินไม่ได้เหรอ) มันจะกรอบๆ หน่อย
ยังไม่สุกเท่าไหร่แต่พอมีให้เก็บกิน ถ้าจะซื้อกลับบ้านเค้าก็มีขายนะ แพคละ 500 เยน ใหม่เลยซื้อมาซะสามแพ็ค สดกว่า เยอะกว่าที่ขายตามซุปเปอร์เย๊อะ
โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้คือเก็บเชอร์รี่
ก่อนลงจากบัส เทนโจก็เตือนว่า ให้กินเฉพาะที่กินได้ ห้ามเก็บใส่กระเป๋าเด็ดขาด พอมาถึงสวน ก็มีป้ายเตือนให้ดูอีก สงสัยจะมีคนแอบเก็บกลับบ้านเยอะล่ะมั๊ง
ที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เชอร์รี่จะปลูกในเฮ้าส์ป้องกันแมลงและนกมาจิกกิน สวนที่เปิดให้เข้าไปเก็บได้เค้าก็จะไม่เก็บเชอร์รี่ขายปล่อยให้แดงเต็มต้นแบบนี้แหละ
เก็บกินได้ไม่อั้นเลยนะ แต่ถ้าจะเอากลับบ้านเค้าจะมีกล่องให้ต่างหาก เก็บเองแล้วเอาไปชั่ง ราคาก็ตามน้ำหนัก
ที่สวนนี้มีเชอร์รี่หลายพันธุ์ ที่ดีและแพงที่สุดคือพันธุ์ที่เรียกว่า “ซาโต้ นิชิกิ” ลูกเชอร์รีจะค่อนข้างนิ่มและน้ำเยอะ เชอร์รี่ญี่ปุ่นจะออกส้มๆ แดงๆ แต่ของอเมริกาจะสีเข้มกว่า เกือบจะเป็นสีม่วง รสชาตพันธุ์อเมริกาก็จะหวานและกรอบกว่า ก็แล้วแต่คนชอบอ่ะเนาะ
ลงความเห็นกันแล้วว่าเราสองคนชอบพันธุ์ญี่ปุ่นมากกว่า แต่ซาโต้ นิชิกิ (ที่แพงๆ นั่นแหละ) มันนิ่มไป ก็เดินชิมไปทุกต้น เจอต้นไหนที่ชอบก็หยุดกินนานหน่อย หลายลูกหน่อย
อ้อ ลืมบอกว่า ห้ามปีนต้นไม้นะจ๊ะ ห้ามโน้มกิ่งไม้ลงมาด้วย ถ้าเอื้อมไม่ถึงเค้าก็มีบันไดให้ แต่ส่วนใหญ่ต้นเชอร์รี่ก็ไม่สูงมากนะ หยิบกินได้สบายๆ
อย่าถามนะว่ากินกี่ลูก ไม่ได้นับจริงๆ รู้แต่ว่ากินไปเยอะมากจนท้องเสียอ่ะ สมน้ำหน้า
ขากลับ ตีตั๋วนอนตลอดทาง ตื่นมาเข้าห้องน้ำบ้าง รถไม่ติดมากวันนี้ กลับถึงโตเกียวห้าโมงครึ่ง เร็วกว่ากำหนดการ 30 นาที แวะทานข้าวเย็นก่อนค่อยเข้าบ้าน
เทรุไปได้โหระพาต้นนี้มาจาก rest area แถวไซตามะ แค่ 170 เยนเอง ถูกเหลือเชื่อ ให้มาทั้งต้นทั้งรากแบบนี้เลย ตอนนี้ใหม่ก็เลยเอาแช่น้ำไว้เผื่อรากมันจะงอกออกมาจะได้เอาไปลงดิน
ตอนนี้ก็หาเมนูที่ต้องใช้ใบโหระพาอยู่ ทำไรกินดี ช่วยคิดหน่อย
สุดท้าย
ใหม่ชอบบัสทัวร์ของ HIS มากกว่านะ รู้สึกคุ้มกว่าเยอะ โปรแกรมคล้ายๆ กันคือเก็บผลไม้สองชนิด แต่ของเอชไอเอสอาหารกลางวันดีกว่า แล้วก็มีของฝากให้กลับบ้านเป็นเนื้อหมูกับผักตั้ง 2 กก.
ลูกทัวร์ของเอชไอเอสส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ วัยรุ่น ผญก็มีแต่จะมากับเด็กๆ แต่ของ Club tourism อื้อหือ นึกว่าทัวร์วัยเกษียณอ่ะ อายุเฉลี่ยทั้งบัสน่าจะ 50-60 ไม่มีเด็กๆ เลย หุหุ แต่บริการและการเอนเตอร์เทนลูกทัวร์ ใหม่ยกให้ Club tourism ดีกว่า
ถ้าใครสนใจอยากไปบัสทัวร์แบบนี้ ก็ลองเข้าไปดูในเว็บเค้าได้เลย ราคาก็ประมาณ 9,000-11,000 เยนแล้วแต่ทัวร์
HIS bus tour : http://bus.hisgo.com/en/ (English) http://bus.his-j.com/ (Japanese)
Club Tourism : http://www.yokoso-japan.jp/en/index.htm
บางทัวร์เค้าอาจจะไม่รับจองถ้าพูดญี่ปุ่นไม่ได้ (ไม่ได้รักชาติอะไรนะคะ แค่ต้องรักษาความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเดี๋ยวคุยกันไม่รู้เรื่ิอง) แต่บางโปรแกรมเค้าจะมีเทนโจที่พูดอังกฤษได้ไปด้วย อันนี้ไม่ต้องพูดญี่ปุ่นก็จองได้